ที่นอน BED MATTRESS

ประวัติของที่นอน ในศตวรรษที่ 14 ชนชั้นล่างนอนบนที่นอนที่อัดแน่นไปด้วยฟางและฟาง ในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่นอนที่เต็มไปด้วยขนนกเริ่มได้รับความนิยมโดยผู้ที่สามารถหาซื้อได้ คนทั่วไปทำได้ดีถ้าเขาสามารถซื้อฟูกหลังจากแต่งงานได้เจ็ดปี ในศตวรรษที่ 18 ผ้าฝ้ายและผ้าขนสัตว์เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ที่นอนสปริงม้วนแรกไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นจนถึงปี 1871 ที่นอนที่พบมากที่สุดและซื้อมากที่สุดคือที่นอนสปริงสำหรับที่นอนแม้ว่าจะมีวัสดุทางเลือกที่หลากหลายเช่น...โฟมยางพาราขนสัตว์และผ้าไหม ความหลากหลายของความแน่นเนื้อมีตั้งแต่อ่อนนุ่มไปจนถึงที่นอนค่อนข้างแน่น จนถึงปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยี่การนอนมากขึ้น 

1. ขนาดของเตียงนอน (Bed Size)
2. ความหนาของที่นอน (Mattress Thickness)
3. ประเภทของที่นอน (Mattress Type)

ในส่วนนี้จะมาดู ความหนาของที่นอน (Mattress Thickness) หรือบางแห่งอาจจะเรียกว่า ความสูงของที่นอน (Mattress Height) นั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะในส่วนของความหนานั้น มันสามารถเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพ และประสิทธิภาพของที่นอน ได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปแล้ว ที่นอนที่ยิ่งมีความหนา (Thickness) มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีคุณภาพ และ ราคาที่สูงกว่าด้วย จะมีตั้งแต่ 6-12 นิ้ว หรืออาจจะเป็นการวางที่นอนแบบซ้อนกัน 

ประเภทของที่นอนนั้น สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทมากๆ ซึ่งวัสดุหลักที่นำมาใช้ทำที่นอนนั้น จะมีทั้ง โดยเราสามารถแบ่งประเภทของที่นอนหลักๆ ออกเป็นหมวดต่างๆ ทั้งหมด 5 หมวด ดังต่อไปนี้

1. ที่นอนยางพารา (Latex Mattress)
2. ที่นอนนุ่น (Kapok Mattress)
3. ที่นอนใยมะพร้าว (Coconut Fiber Mattress)
4. ที่นอนฟองน้ำ (Sponge Mattress)
5. ที่นอนสปริง (Spring Mattress)